นวดกีฬา Sport massage

การนวดนักกีฬา (Sport Massage) หรือที่หลายคนเรียกว่า “นวดสปอร์ต” ไม่ได้เป็นเพียงการนวดเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าเท่านั้น แต่เป็นศาสตร์การบำบัดที่มีรากฐานมาจาก กายภาพบำบัด และการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการกีฬา ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักกีฬา นักวิ่ง คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รวมไปถึงกลุ่มวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับปัญหาอาการปวดเมื่อย และ ออฟฟิศซินโดรม

อาการอย่าง กล้ามเนื้ออักเสบหลังออกกำลังกาย, ปวดตึงคอบ่าไหล่, ปวดหลังล่าง, หรือแม้กระทั่ง บาดเจ็บจากกีฬา เช่น ปวดขาหรือกล้ามเนื้อฉีกขาดเล็กน้อย เป็นปัญหาที่หลายคนมักมองข้าม แต่หากไม่ได้รับการดูแลที่ถูกวิธี อาการเล็กน้อยเหล่านี้อาจพัฒนาไปสู่การบาดเจ็บเรื้อรัง ทำให้ประสิทธิภาพในการเล่นกีฬาและการทำงานลดลงได้

การนวดสปอร์ตจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญ ไม่แค่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด แต่ยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด กระตุ้นการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ และปรับสมดุลของร่างกายให้อยู่ในภาวะพร้อมสำหรับการเคลื่อนไหว การนวดรูปแบบนี้จึงไม่ใช่เฉพาะสำหรับนักกีฬาเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับทุกคนที่ต้องการดูแลสุขภาพกล้ามเนื้อและป้องกันอาการบาดเจ็บในระยะยาว

Sport Massage คืออะไร?

sport massage

นวดนักกีฬา (Sport Massage) คือการนวดเพื่อการบำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพ ไม่ใช่แค่นวดผ่อนคลาย ที่อาศัยความรู้กายวิภาค ชีวกลศาสตร์ และสรีรวิทยาการออกกำลัง เพื่อช่วยลดอาการปวดตึง ฟื้นตัวหลังออกกำลังกาย และเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเล่นกีฬาและการทำงานประจำวัน แนวคิดหลักอธิบายว่าแรงกด–ยืด–เฉือนจากมือผู้บำบัดก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งทางกล (biomechanical) ทางประสาท (neurophysiological) การไหลเวียน และด้านจิตใจ ทำให้ “ปวดน้อย–คลายตึง–ขยับได้ง่ายขึ้น” เมื่อจบคอร์สการรักษาในแต่ละครั้ง

ผลของ Sport massage 

1) กลไกทางชีวกลศาสตร์ (Biomechanical): “เนื้อเยื่อคลาย—ขยับได้ง่ายขึ้น”
แรงกดและแรงเฉือนจากการนวดทำให้ความตึงตัวของกล้ามเนื้อลดลง (decreased passive stiffness) เนื้อเยื่อเชื่อมต่อ (fascia) และกล้ามเนื้อมี “ความยอมให้ยืด” มากขึ้น ส่งผลให้ช่วงการเคลื่อนไหว (ROM) ดีขึ้น และรู้สึกตึงน้อยลงหลังนวดทันทีหรือในช่วงสั้น ๆ หลังเสร็จการนวด.

2) กลไกทางระบบประสาท (Neurophysiological): “ลดสัญญาณปวด”
การกระตุ้นตัวรับความรู้สึกทางผิวหนังและกล้ามเนื้อ (mechanoreceptors) ส่งผลลดความตื่นตัวของมอเตอร์นิวรอน (neuromuscular excitability) และกระตุ้น พาราซิมพาเทติก ทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมดฟื้นตัว (ผ่อนคลาย ชีพจรช้าลง หายใจลึกขึ้น) ขณะเดียวกันสมองส่วนควบคุมความปวดปรับสัญญาณให้ “เงียบลง” จึงรู้สึกปวดน้อยลงหลังนวด งานวิจัย HRV รายงานการกระตุ้นพาราซิมพาเทติกทันทีหลังนวดหลังกิจกรรมที่ใช้แรงหนัก.

3) การไหลเวียนเลือด–น้ำเหลือง: “เพิ่มการแลกเปลี่ยน—เคลียร์ของเสีย”
บางการศึกษาพบว่าการนวดเพิ่มการไหลเวียนระดับผิว/จุลภาคเฉพาะที่ และอาจช่วยการกำจัดของเสียเมตาบอลิซึมหลังออกแรงหนัก ขณะที่งานวิจัยเก่าบางชิ้นไม่พบการเพิ่มของการไหลเวียนหลอดเลือดใหญ่ชัดเจน สรุปคือ อาจเพิ่มได้แบบเฉพาะที่–ชั่วคราว ขึ้นกับเทคนิค ความแรง และบริเวณที่ทำ. 

4) ด้านจิตใจและการรับรู้ (Psychological): “รู้สึกโล่ง ฟื้นตัวไวขึ้น”
การนวดช่วยลดความเครียด ความกังวล ความเมื่อยล้ารับรู้ (perceived fatigue) และเพิ่มความรู้สึกฟื้นตัว ผ่อนคลาย องค์ประกอบทางจิตวิทยานี้สัมพันธ์กับการรับรู้ความปวดที่ลดลงและความพร้อมกลับสู่การซ้อมแซมทำงานได้เร็วขึ้น.

5) ผลต่ออาการปวดกล้ามเนื้อหน่วงหลังออกกำลังกาย (DOMS): “เจ็บน้อยลง ทำงานได้ดีขึ้น”
หลายงานวิจัยรายงานสม่ำเสมอว่า Sport Massage ช่วยบรรเทา DOMS ได้ (บางงานพบลดได้ราว 30%) แม้ไม่ได้เพิ่มสมรรถนะการเคลื่อนไหวเชิงประสิทธิภาพโดยตรงในทันที เหมาะอย่างยิ่งช่วงฟื้นตัวหลังซ้อมหนักหรือแข่ง

อาการและภาวะที่เหมาะกับการนวดสปอร์ต

ไม่ใช่ทุกคนที่เล่นกีฬาเท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์จาก การนวดนักกีฬา (Sport Massage) เพราะจริง ๆ แล้วคนทั่วไปที่มีอาการ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือภาวะปวดเรื้อรังจากการใช้งานร่างกายผิดท่า ก็สามารถเข้ารับการนวดสปอร์ตได้เช่นกัน โดยอาการและภาวะที่เหมาะ ได้แก่:

1.อาการปวดเมื่อยจากการออกกำลังกาย

เมื่อยจากการออกกำลังกาย

  • ปวดกล้ามเนื้อหลังเล่นกีฬา เช่น วิ่ง ฟิตเนส ฟุตบอล กอล์ฟ เวทเทรนนิ่ง

  • รู้สึกตึงตัว ไม่สามารถยืดเหยียดร่างกายได้เต็มที่

  • กล้ามเนื้ออักเสบเล็กน้อยหลังการฝึกซ้อมกีฬา

เหมาะกับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูเร็ว และลดความเสี่ยง DOMS (Delayed Onset Muscle Soreness)

2.บาดเจ็บจากกีฬา (Sports Injury)

บาดเจ็บจากกีฬา

  • กล้ามเนื้อฉีกขาดเล็กน้อย ที่ผ่านช่วงอักเสบแล้วแต่การฟื้นฟูไม่สมบูรณ์

  • ปวดขาหนีบ จากการวิ่งหรือเตะบอลที่มีการใช้งานกล้ามเนื้อหุบขามากเกินไป

  • ปวดตึงต้นขาและน่อง หลังการใช้งานหนักเพราะเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ต้องทำงานอย่างหนัก

  • ปวดหลังล่าง จากการตีกอล์ฟหรือยกน้ำหนักที่มีการใช้งากล้ามเนื้อท่าเดิทๆซ้ำๆ

การนวดสปอร์ตช่วยคลายกล้าเนื้อและพังผืด ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อ และลดโอกาสบาดเจ็บซ้ำ

3. ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)

ออฟฟิศซินโดรม

  • ปวดตึง คอ บ่า ไหล่ จากการนั่งทำงานนานมักมีกล้ามเนื้อตึง และจุดกดเจ็บ

  • ปวดหลังล่างเพราะท่าทางไม่เหมาะสม ทำให้กล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุล

  • อาการชาเล็กน้อยหรือเมื่อยล้าสะสม หรือการตึงตัวจนรบกวนเส้นประสาท

 การนวดนักกีฬาช่วยคลายความเกร็งตัว ตึงตัว ของกล้ามเนื้อได้ดีกว่าการนวดเพื่อผ่อนคลายทั่วไป

4. อาการปวดเมื่อยจากการใช้ชีวิตประจำวัน

  • นั่งนาน ปวดตัว ปวดหลัง กล้ามเนื้อทำงานหนักความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ

  • ขับรถนาน ๆ แล้วปวดต้นขา/ก้น เพราะกล้ามเนื้อต้องทำงานเป็นเวลานาน และโดนกดอยู่เป็นเวลานาน

  • ใช้กล้ามเนื้อซ้ำ ๆ จนเกิดอาการตึงและล้า เพราะความทนทานของกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ

เหมาะกับทั้งวัยทำงานและผู้สูงอายุที่อยากลดความเมื่อยล้าในชีวิตประจำวัน

5. ภาวะบาดเจ็บเรื้อรัง (Chronic Pain)

  • กล้ามเนื้อตึงแข็งสะสม ทิ้งไว้ หรือแค่ยืดกล้ามเนื้อเองอาจไม่เพียงพอ

  • มีพังผืดจากการใช้งานซ้ำ ๆ ไม่สามรถคลายได้เอง

  • เคยบาดเจ็บแล้วไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เหลือดไหลเวียนไปซ่อมแซมได้ไม่เต็มที่

 Sport Massage ช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นขึ้น กระตุ้นการฟื้นฟู และลดความเจ็บปวดเรื้อรัง
หากคุณมีอาการ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, บาดเจ็บจากกีฬา, หรือแม้กระทั่ง ออฟฟิศซินโดรม การทำ นวดสปอร์ต (Sport Massage) ถือเป็นหนึ่งในวิธีการบำบัดที่ปลอดภัย เห็นผล และได้รับการยอมรับในวงการ วิทยาศาสตร์สุขภาพ และกายภาพบำบัด

Sport Massage แตกต่างจากการนวดทั่วไปอย่างไร?

กายภาพกับการนวด

หลายคนอาจสงสัยว่า นวดนักกีฬา (Sport Massage) ต่างจากการนวดแผนไทย หรือนวดเพื่อผ่อนคลายทั่วไปอย่างไร? ความจริงแล้ว ทั้งสองแบบมีเป้าหมายในการรักษาที่แตกต่างออกไป

จุดประสงค์

  • นวดทั่วไป: เน้นการผ่อนคลาย ลดความเครียด ทำให้ร่างกายรู้สึกสบายได้ชั่วคราว

  • Sport Massage: เน้นการบำบัด ฟื้นฟูสมรรถภาพ และลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากการใช้งานหนัก เช่น ออกกำลังกาย กีฬา หรือออฟฟิศซินโดรม

เทคนิคที่ใช้

  • นวดทั่วไป: ใช้แรงกดจุด คลึง หรือลูบตามเส้นเพื่อความผ่อนคลาย

  • Sport Massage: ใช้เทคนิคเฉพาะ เช่น Effleurage, Petrissage, Friction, Tapotement และ Stretching Integration ที่ออกแบบตามหลัก กายวิภาคและกายภาพบำบัด เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะจุด

ผลลัพธ์ที่ได้

  • นวดทั่วไป: รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ลดความเครียดในระยะสั้น

  • Sport Massage:

    • ลดอาการ DOMS (Delayed Onset Muscle Soreness) หลังออกกำลังกาย

    • ฟื้นฟูสมรรถภาพกล้ามเนื้อให้กลับมาใช้งานได้เต็มที่

    • เพิ่มความยืดหยุ่นและช่วงการเคลื่อนไหว (ROM)

    • ลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บซ้ำ

 ผู้ที่เหมาะสม

  • นวดทั่วไป: เหมาะสำหรับคนทั่วไปที่ต้องการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ

  • Sport Massage: เหมาะกับ

    • นักกีฬา ที่ต้องการฟื้นตัวเร็ว

    • คนออกกำลังกาย ที่มักปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

    • กลุ่มออฟฟิศซินโดรม ที่มีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ หรือปวดหลังล่าง

    • ผู้ที่บาดเจ็บเล็กน้อย และต้องการป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ

ดังนั้น ถ้าคุณแค่อยากผ่อนคลาย “นวดทั่วไป” อาจเพียงพอ แต่ถ้าคุณกำลังมี อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากกีฬา การออกกำลังกาย หรือออฟฟิศซินโดรม หรือมีอาการปวดมาอย่างเรื้อรัง การเลือก Sport Massage จะตอบโจทย์มากกว่า เพราะเป็นการนวดที่ผสมผสานศาสตร์การรักษา และมีหลักฐานทางวิชาการ

เทคนิคการนวดสปอร์ตที่ใช้บ่อย

การ นวดนักกีฬา (Sport Massage) มีเทคนิคที่หลากหลาย แต่ละแบบถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน ทั้งการคลายกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียน หรือกระตุ้นร่างกายก่อนการฝึกซ้อม โดยเทคนิคที่ใช้บ่อยและมีหลักฐานอ้างอิง ได้แก่:

1. Effleurage / Stroke (การลูบ)

เป็นเทคนิคการนวดที่ใช้มือเคลื่อนผ่านผิวหนังของร่างกาย โดยมักใช้ตอน

เริ่มต้นการนวด เป็นการลูบยาวไปตามโครงสร้างของร่างกายเป็นการลูบด้วยฝ่ามือหรือนิ้วไปตามแนวกล้ามเนื้อ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือด และนํ้าเหลือง โดยช่วยนํานํ้าเหลืองไหลเวียนกลับสู่หัวใจด้วยการลูปในทิศทางกลับเข้าสู่ร่างกาย และ/หรือเข้าสู่ต่อมนํ้าเหลือง และนําของเสียจากกล้ามเนื้อกลับเข้าสู่ระบบเพื่อทําลายต่อไป นอกจากนี้การลูบยังเป็นการสร้างความคุ้นเคยในการสัมผัสของมือ และยังเป็นการช่วยตรวจเช็คความตึง หรืออาการเจ็บด้วย สามารถแบ่งการลูบออกเป็น 2 แบบ คือ Superficial stroke (การลูบเบาเพื่อให้เกิดผลในชั้นskin และ Superficial fascia) และ Deep stroke (การลูบหนักเพื่อให้เกิดผลในชั้น Deep fascia และ Muscle)

 

  • เป็นการลูบด้วยฝ่ามือหรือนิ้วไปตามแนวกล้ามเนื้อ

  • ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลือง

  • ใช้ทั้งก่อนเริ่มนวดเพื่อวอร์มกล้ามเนื้อ และหลังนวดเพื่อผ่อนคลาย
    เหมาะสำหรับคนที่มีอาการ เมื่อยล้าและตึงสะสม

2. Petrissage (การบีบ)

Petrissage เป็นการยกและแยกชั้นของเนื้อเยื่อ ลดแรงตึง ยืดและคลายกล้ามเนื้อช่วยกระตุ้นผิวหนังให้การไหลเวียนเลือดและนํ้าเหลืองดีขึ้น เมื่อการไหลเวียนนํ้าเหลืองดีขึ้นจะช่วยนําของเสียออกจากเซลล์กล้ามเนื้อ และจะช่วยลดพังผืดที่เกิดขึ้น พังผืดมักเกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหลังการผ่าตัดหรือการบาดเจ็บ โดยที่พังผืดจะสร้างแรงตึงต่อโครงาร้างโดยรอบ สร้างแรงกดต่อเส้นประสาท และจํากัดการเคลื่อนไหว

 

  • ใช้มือบีบและคลึงเนื้อเยื่ออย่างต่อเนื่อง

  • ช่วยสลายก้อนแข็ง (Muscle Knot) และคลายความตึงลึก

  • ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อหลังการใช้งานหนัก
    เหมาะสำหรับอาการ ปวดคอ บ่า ไหล่ จากออฟฟิศซินโดรม หรือ กล้ามเนื้อตึงหลังออกกำลังกาย

3. Friction (การกด)

Frictions เป็นเทคนิคการนวดโดยออกแรงกดขวางกับแนวโครงสร้าง ให้ผลดีในการช่วยสลายพังผืด ช่วยลดการเกิดแผลเป็น และปรับแนวเรียงตัวของเส้นใยโครงสร้าง เป็นเทคนิคเฉพาะที่ใช้การเคลื่อนนิ้วมือ หรือนิ้วโป้งในทิศทางหน้าและหลังในบริเวณพื้นที่เฉพาะ สามารถใช้เพื่อให้ได้ผลทั้งในชั้นตื้นและชั้นลึก เทคนิค Deep friction เป็นการให้แรงกดหนักแนวขวางบนเนื้อเยื่อที่ต้องการรักษา เทคนิค Supericial friction เป็นการให้แรงเพื่อช่วยในการจัดแนวของเนื้อเยื่อในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อสนับสนุนการไหลเวียนของสารนํ้าและเพื่อความยืดหยุ่น

 

  • ใช้นิ้วหรือข้อศอกกดวนเป็นวงเล็ก ๆ ในจุดที่กล้ามเนื้อหรือพังผืดหนาแน่น

  • กระตุ้นให้ร่างกายเกิดการฟื้นฟูเนื้อเยื่อ (Tissue Repair)

  • ลดอาการบาดเจ็บเรื้อรัง เช่น พังผืดเกาะ
    เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการ เจ็บเฉพาะจุด เช่น ปวดขาหนีบ ปวดเอ็นร้อยหวาย

5. Active Release Technique (ART)

เป็นเทคนิคที่เน้นการเคลื่อนไหวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อหรือพังผืด จะใช้มือตรวจและรักษาปัญหาของกล้ามเนื้อ ทำการรักษาโดยให้แรงกดที่จุดนั้นพร้อมกับให้มีการเคลื่อนไหว ให้โดยมีเป้าหมายเพื่อสลายพังผืดและเนื้อเยื่อที่เกาะกันเป็นก้อน เพื่อฟื้นฟูการเคลื่อนไหว ลดอาการปวด และส่งเสริมการรักษาตัวเอง

  • เป็นเทคนิคเฉพาะที่ผสมผสาน การกดจุดและการเคลื่อนไหวแบบแอคทีฟ

  • ช่วยสลายพังผืด (Adhesion), ฟื้นฟูการทำงานของกล้ามเนื้อ และเพิ่มการไหลเวียนของเส้นประสาท

  • ได้ผลดีมากกับอาการ ปวดขาหนีบ, ปวดตึงคอ-บ่า-ไหล่, ปวดหลังล่าง และออฟฟิศซินโดรม
    ART ถือว่าเป็นหนึ่งในเทคนิคที่ใช้เฉพาะของมูฟออนคลินิกกายภาพบำบัดระดับมืออาชีพ ไม่ใช่ทุกที่มีบริการนี้

ที่ MoveOn Clinic นักกายภาพบำบัดจะผสมผสานเทคนิคเหล่านี้อย่างเหมาะสมกับอาการ ร่วมกับกรฝใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดรน่วมด้วย เพื่อให้การนวดสปอร์ตไม่ใช่แค่ “การนวด” แต่เป็นการ บำบัดรักษา ฟื้นฟู และป้องกันการบาดเจ็บ

ข้อควรระวังในการนวดนักกีฬา

แม้ว่า การนวดนักกีฬา (Sport Massage) จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ต่อทั้งนักกีฬา และคนทั่วไป แต่ก็มีข้อจำกัด และข้อควรระวังที่ควรรู้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงและทำให้การนวดเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

1. ไม่ควรนวดในช่วงที่มีการอักเสบรุนแรง (Acute Inflammation)

  • หากกล้ามเนื้อเพิ่งบาดเจ็บใหม่ ๆ บวม แดง ร้อน หรือปวดมาก

  • การนวดทันทีอาจยิ่งทำให้การอักเสบรุนแรงขึ้น หรือเกิดการฉีกขาดเพิ่ม
    ในกรณีนี้ควรใช้หลักการ R.I.C.E. ประกอบไปด้วย  การพัก (Rest), ประคบเย็น (Ice), (Compression) การพันผ้ายืด, (Elevation) การยกสูง และรอให้ผ่านระยะอักเสบก่อน

2. ไม่ควรนวดในผู้ที่มีกล้ามเนื้อฉีกขาดรุนแรง

  • หากเป็น กล้ามเนื้อฉีกขาดระดับกลางถึงรุนแรง (Grade II–III) ควรได้รับการรักษาทางการแพทย์ก่อน

  • การนวดโดยตรงในช่วงนี้อาจทำให้บาดเจ็บลุกลาม และเจฌบเพิ่มมากขึ้นได้

3. ผู้ที่มีภาวะโรคหลอดเลือดหรือโรคประจำตัวบางชนิด

  • ผู้ที่มีภาวะ หลอดเลือดดำอุดตัน (DVT), โรคหัวใจ, หรือความดันโลหิตสูงที่ยังควบคุมไม่ได้

  • ควรหลีกเลี่ยงการนวดบางบริเวณ หรือปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

4. ผู้ที่มีบาดแผลเปิด หรือการติดเชื้อผิวหนัง

  • ไม่ควรนวดบนบริเวณที่มีบาดแผล, รอยถลอก, การติดเชื้อ หรือโรคผิวหนัง

  • เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและการอักเสบที่รุนแรงขึ้น

5. เลือกผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรม

  • การนวดทั่วไปอาจเน้นการผ่อนคลาย แต่ การนวดสปอร์ตต้องอาศัยความรู้กายวิภาค สรีระวิทยาและกายภาพบำบัด

  • การกดผิดจุด ตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม หรือแรงเกินไปอาจทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บมากขึ้น

ทำไมควรนวดสปอร์ตที่ MoveOn Clinic?

แม้ว่า การนวดนักกีฬา (Sport Massage) จะสามารถพบได้ทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้ MoveOn Clinic แตกต่าง คือการให้บริการที่ผสมผสานความรู้ทาง กายภาพบำบัด เข้ากับการนวด เพื่อให้การบำบัดไม่ใช่แค่การผ่อนคลาย แต่เป็นการรักษาที่ตรงจุดและปลอดภัย

1. ตรวจประเมินโดยนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ

ก่อนการนวด หรือการรักษาทุกคนจะได้รับการ ตรวจร่างกายและซักประวัติอาการ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของความปวด ไม่ว่าจะเป็น ออฟฟิศซินโดรม, กล้ามเนื้ออักเสบจากการออกกำลังกาย, หรือ บาดเจ็บจากกีฬา
ทำให้มั่นใจได้ว่า การนวดที่ได้รับตรงกับอาการที้่ต้องการรักษา ไม่ใช่แค่นวดเพื่อให้สบายชั่วคราว

2. ใช้เทคนิคมาตรฐานสากล

นักกายภาพบำบัดของ MoveOn Clinic มีมาตรฐานและเทคนิคการนวดสปอร์ตเฉพาะของทางคลินิก เช่น

  • Effleurage, Petrissage, Friction, Tapotement,, ART

  • เลือกใช้เทคนิคที่เหมาะกับอาการเฉพาะบุคคล เช่น ปวดขาหนีบ, ปวดหลังล่าง, หรือตะคริวบ่อย

3. ผสมผสานกับเทคโนโลยีการรักษาทางกายภาพบำบัด

นอกจาก Sport Massage เรายังสามารถเสริมด้วยการรักษาอื่น ๆ เพื่อจัดการกับอาการที่อยู่ลึก และเป็นมาอย่างเรื้อรัง เช่น

    • Focus Shockwave เพื่อสลายพังผืดและกระตุ้นการฟื้นฟูชั้นลึก
  • Ultrasound therapy คลายกล้ามเนื้อชั้นลึก เพิ่มความยืดหยุ่น
  • Electrical Stimulation คลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวด

  • Therapeutic Exercise เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและป้องกันอาการซ้ำ

  • Stretching Program ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับนักกีฬาและคนทำงาน

4. เหมาะทั้งนักกีฬาและคนทั่วไป

ไม่ว่าคุณจะเป็น…

  • นักกีฬา ที่ต้องการฟื้นตัวไวหลังซ้อมมาอย่างหนัก

  • คนรักสุขภาพ ที่ออกกำลังกายแล้วมีอาการปวดเมื่อยแล้วต้องการดูแลตัวเอง

  • วัยทำงาน ที่เจออาการออฟฟิศซินโดรมทุกวัน เพราะเลี่ยงจากการนั้งทำงานนานๆไม่ได้

 MoveOn Clinic มีโปรแกรมการนวดที่ตอบโจทย์ได้ทุกกลุ่ม ซึ่งมาจากการตรงร่างกายอย่างละเอียดจากนักกายภาพบำบัด

5. ใส่ใจความปลอดภัยและผลลัพธ์ระยะยาว

การนวดที่นี่ไม่ใช่แค่ทำให้ “หายปวดชั่วคราว” แต่เป็นการวางแผนการรักษา เพื่อให้คุณกลับไปใช้งานร่างกายได้เต็มที่ และลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บซ้ำ
พราะเรามองว่าการนวดสปอร์ตคือ การลงทุนในสุขภาพในระยะยาว ไม่ใช่แค่การผ่อนคลาย

ที่ MoveOn Clinic คุณจะไม่ได้รับแค่ “การนวด” แต่จะได้รับ การดูแลจากนักกายภาพบำบัดที่เข้าใจปัญหาของคุณจริง ๆ

นวดนักกีฬา (Sport Massage) ไม่ใช่เพียงการนวดเพื่อผ่อนคลาย แต่เป็นศาสตร์การบำบัดที่ผสมผสานกับความรู้ทางกายภาพบำบัด เพื่อช่วยลดอาการปวดเมื่อย ฟื้นฟูสมรรถภาพกล้ามเนื้อ และป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ เหมาะทั้งกับ นักกีฬา, คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, และกลุ่มวัยทำงานที่เผชิญกับออฟฟิศซินโดรม

หากคุณกำลังมีอาการเหล่านี้…

  • ปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย (DOMS)

  • ปวดน่อง ปวดขา ปวดขาหนีบ ปวดหลังล่าง จากการเล่นกีฬา

  • อาการปวดตึงคอ บ่า ไหล่ จากการนั่งทำงานนาน

  • บาดเจ็บเรื้อรังที่ไม่หายขาด
    การนวดสปอร์ตอาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา

ที่ MoveOn Clinic ทุกการรักษาจะได้รับการดูแลจาก นักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเทคนิคการรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล เพื่อให้คุณฟื้นตัวเร็ว เคลื่อนไหวคล่อง และใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่

อย่าปล่อยให้อาการปวดเล็ก ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ นัดหมาย นวดนักกีฬา (Sport Massage) ที่ MoveOn Clinic วันนี้ เพื่อสุขภาพกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและการใช้ชีวิตที่ไร้อาการปวดเมื่อย