เมื่อเด็กคนหนึ่งมีความฝันอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ สิ่งที่ผู้ปกครองอยากทำที่สุด คือการสนับสนุนให้เขาไปถึงเป้าหมาย แต่เมื่อพบว่า “ลูกมีภาวะกระดูกสันหลังคด” หลายครอบครัวเป็นกังวลทันทีว่า จะยังเล่นกีฬาได้ไหม จะมีผลกระทบกับการเติบโตหรือไม่  หรือฝันนี้ต้องหยุดไว้แค่นี้

      ความจริงคือ กระดูกสันหลังคดไม่ได้หมายความว่าเขาต้องหยุดเล่นกีฬา หรือโอกาสสู่การเป็นนักกีฬาทีมชาติจะจบลงตรงนี้ หากได้รับการประเมินและวางแผนฟื้นฟูที่ถูกต้องตั้งแต่ต้น เด็กที่มี Scoliosis ก็สามารถเติบโตและประสบความสำเร็จบนเส้นทางกีฬาเหมือนเด็กคนอื่น ๆ ได้เช่นกัน

      สิ่งสำคัญที่ต้องทำ คือ เข้าใจลักษณะของความคด ระดับความรุนแรง (เช่น Cobb angle) และผลกระทบต่อกล้ามเนื้อ การหายใจ และแรงหมุนของลำตัว จากนั้นจึงออกแบบการฝึกให้เหมาะสมกับร่างกายของเด็กแต่ละคน

เพราะการมี Scoliosis ไม่ได้เป็นข้อจำกัดของความสามารถ แต่มันคือ “จุดเริ่มต้นที่เราต้องวางแผนอย่างชาญฉลาดกว่าใคร”

      หากได้รับการดูแลที่เหมาะสม เขายังคงวิ่ง หมุนตัว กระโดด เตะ หรือว่ายน้ำได้อย่างมั่นใจ
และยังเดินหน้าไล่ตามความฝันในสนามแข่งขันได้เต็มที่

กระดูกสันหลังคดในนักกีฬา คืออะไร และส่งผลอย่างไรกับการเล่นกีฬา

      กระดูกสันหลังคด (Scoliosis) คือภาวะที่กระดูกสันหลังโค้งไปด้านข้างและหมุนบิดร่วมด้วย ไม่ใช่การ “คดเพราะนั่งผิดท่า” หรือ “สะพายกระเป๋าข้างเดียว” อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เกี่ยวข้องกับความไม่สมดุลของกระดูก กล้ามเนื้อ และการควบคุมการเคลื่อนไหวของลำตัว

โดยทั่วไป จะประเมินระดับความคดจากค่า Cobb angle หากมากกว่าหรือเท่ากับ 10 องศาจะวินิจฉัยว่าเป็นกระดูกสันหลังคด

  • น้อยกว่า 20 องศา: เฝ้าระวังและออกกำลังกายเฉพาะทาง
  • 20–40 องศา: ต้องฟื้นฟูเชิงลึกและติดตามอย่างสม่ำเสมอ
  • มากกว่า 40 องศา: แพทย์อาจพิจารณาวิธีรักษาที่เข้มข้นขึ้น

สำหรับนักกีฬา แม้จะสามารถแข่งขันได้เหมือนเด็กทั่วไป แต่หากไม่ได้ฟื้นฟูและวางแผนให้เหมาะสม อาจเกิดผลกระทบต่อทักษะการเล่น เช่น

  1. ความสมดุลของร่างกายเสีย ลำตัวเอียง ทำให้การวิ่ง การกระโดด หรือการหมุนตัวไม่มั่นคง

  2. การหายใจไม่เต็มประสิทธิภาพ หากซี่โครงบิด อาจขยายตัวได้ไม่ดี ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ลดลง ส่งผลต่อความฟิตและความทนทาน

  3. ใช้แรงผิดด้านหรือชดเชยมากเกินไป ทำให้เกิดการเจ็บเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดสะโพก หรือเข่าบาดเจ็บตามมา

  4. ความมั่นใจในการเคลื่อนไหวลดลง เพราะรู้สึกว่า “ร่างกายเราไม่เหมือนคนอื่น”

แต่ข่าวดีสำคัญคือ องค์กรระดับโลกอย่าง Scoliosis Research Society (SRS) ระบุชัดเจนว่า
     การเล่นกีฬา ไม่ใช่ข้อห้าม สำหรับคนที่มีกระดูกสันหลังคด ตรงกันข้าม กลับช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ความมั่นคง และการควบคุมการเคลื่อนไหวได้

เงื่อนไขเดียวคือ ต้องได้รับการประเมิน และมีโปรแกรมฟื้นฟูที่เหมาะสมกับแนวโค้งของแต่ละคน

ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การหยุด แต่คือ การ “เล่นกีฬาอย่างถูกวิธีไปพร้อมกับการฟื้นฟูอย่างถูกทาง”

Scoliosis เล่นกีฬาได้ไหม

คำตอบคือ “ได้” และในหลายกรณียัง “ควรเล่นกีฬา” อีกด้วย

      องค์กรชั้นนำอย่าง Scoliosis Research Society (SRS) ระบุชัดเจนว่า ผู้ที่มีกระดูกสันหลังคดสามารถออกกำลังกายและแข่งขันกีฬาได้ตามปกติ หากมีการประเมินและวางแผนการฝึกให้เหมาะสมกับระดับความคด

เหตุผลสำคัญที่ทำให้การเล่นกีฬามีประโยชน์ต่อผู้ที่มี Scoliosis คือ

  1. ช่วยเสริมความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว

  2. ส่งเสริมการทรงตัวและการควบคุมร่างกาย

  3. เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อที่ไม่สมดุล

  4. กระตุ้นความมั่นใจและสภาพจิตใจของเด็ก

      อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่กีฬาและทุกท่าทางที่เหมาะกับทุกรูปแบบของความคด เด็กแต่ละคนมีลักษณะของกระดูกสันหลังคดแตกต่างกัน เช่น คดแบบตัว S หรือ C คดช่วงทรวงอกหรือส่วนเอว ทำให้ผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวและการทรงตัวต่างกันไป

จึงต้องให้ความสำคัญกับ

  • การประเมินแนวโค้ง
  • ความสมดุลของกล้ามเนื้อ
  • การควบคุมทิศทางและแรงหมุนของลำตัว
    ก่อนเข้าฝึกระดับแข่งขันหรือเพิ่มความหนักของการซ้อม

สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นคือ ไม่ใช่การห้ามเด็กทำในสิ่งที่รัก แต่คือการทำให้แน่ใจว่าเขาจะเติบโตและแข็งแรงไปพร้อมกับความฝันที่กำลังเดินหน้า

การเล่นกีฬาเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้เด็กมีกำลังใจ และยิ่งได้รับการฟื้นฟูที่ถูกต้อง เด็กที่มี Scoliosis ก็สามารถเก่งได้ไม่แพ้ใคร

ผลกระทบต่อ Performance หากไม่ได้ฟื้นฟูให้เหมาะสม

      ถึงแม้เด็กที่มีกระดูกสันหลังคดจะสามารถเล่นกีฬาได้ตามปกติ แต่หากปล่อยให้แนวกระดูกและระบบกล้ามเนื้อทำงานแบบผิดสมดุลต่อเนื่อง อาจทำให้ขีดความสามารถทางกีฬา (performance) ลดลงโดยไม่รู้ตัว

ปัญหาที่มักพบหากไม่ได้รับการฟื้นฟูมีดังนี้

  1. สมดุลร่างกายเสีย ทำให้ควบคุมทิศทางได้ไม่ดี กระดูกสันหลังเอียงส่งผลให้ระบบทรงตัว (Balance) ทำงานหนักขึ้น เด็กอาจ วางเท้าไม่แม่น, ล้มง่าย, หมุนตัวไม่เสถียรในการทำท่าเฉพาะกีฬา

  2. แรงหมุนและพลังลดลง ลำตัวที่บิดหรือแข็งเกร็งจะจำกัดการหมุนของลำตัว ทำให้เตะบอลไม่เต็มแรง, ฟาดไม้กีฬาได้ไม่สุดองศา, เสิร์ฟหรือตีลูกได้ไม่ทรงพลัง

  3. หายใจได้ไม่เต็มที่ ทำให้เหนื่อยง่าย หากซี่โครงบิดหรือทรวงอกเอียง อาจทำให้ปอดขยายตัวได้น้อยลง ผลลัพธ์คือ ออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อลดลง, ความฟิตแย่ลงเมื่อซ้อมหนัก

  4. ปวดเรื้อรังจากการชดเชยของกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อบางส่วนถูกใช้งานเกิน เช่น ปวดหลัง, ปวดสะโพก, ปวดเข่า จนต้องหยุดฝึกหรือเสียโฟกัสในการแข่งขัน

  5. ความมั่นใจลดลง เด็กที่รู้สึกว่าร่างกายทำงานไม่เหมือนเพื่อนจะเสียกำลังใจ ทั้งที่ความสามารถจริง ๆ ของเขาอาจสูงมาก

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะเด็กไม่มีพรสวรรค์ แต่เพราะร่างกายยังไม่ได้ถูกวางระบบให้ทำงานอย่างเหมาะสม

      ข่าวดีคือ หากเริ่มดูแลอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ ปัญหาเหล่านี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้
และเด็กจะกลับมาพัฒนาได้ไวกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

กายภาพบำบัดช่วยอะไรในเด็กนักกีฬาที่มีกระดูกสันหลังคด

      บทบาทของกายภาพบำบัดในเด็กที่มี Scoliosis ไม่ใช่แค่ “ลดปวด” หรือ “ป้องกันคดเพิ่ม” เท่านั้น แต่คือการออกแบบให้ร่างกายของเด็กสามารถเติบโตไปพร้อมกับความฝันด้านกีฬาได้อย่างปลอดภัยและแข็งแรงที่สุด

กายภาพบำบัดช่วยได้ในด้านต่อไปนี้

  • ประเมินแนวโค้งและความสมดุลร่างกายอย่างละเอียด
    นักกายภาพจะตรวจ
  • Cobb angle ที่ได้รับจากผล X-ray
  • การเอียงของเชิงกรานและลำตัว
  • ความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
  • รูปแบบการหายใจและการควบคุมแกนกลางลำตัว
    เพื่อวางแผนฟื้นฟูเฉพาะบุคคลตามลักษณะโค้งของเด็กแต่ละคน
  • ปรับการควบคุมการเคลื่อนไหวและการหายใจ เด็กที่มี Scoliosis มักใช้ท่าชดเชยโดยไม่รู้ตัว กายภาพจึงเน้น
  • การฝึกการหายใจให้ซี่โครงขยายได้ดีขึ้น
  • การควบคุมท่าทางและแกนกลางลำตัว (Postural Control)
  • ลดแรงชดเชยที่สะโพก เข่า และไหล่
  • เพิ่มประสิทธิภาพทางกีฬา โดยไม่เสี่ยงบาดเจ็บ เสริมความแข็งแรงในทิศทางที่ถูกต้องเพื่อ
  • เพิ่มแรงหมุนของลำตัว
  • ควบคุมการทรงตัวได้ดีขึ้น
  • ใช้พลังได้อย่างสมดุลในทุกทักษะกีฬา
  • ป้องกันคดเพิ่มและรักษา alignment ของร่างกาย เมื่อโครงสร้างดีขึ้น ร่างกายจะรับแรงซ้อมได้ดี และโอกาสprogression ของ Scoliosis จะลดลง

ผลลัพธ์ที่ผู้ปกครองและโค้ชจะเห็นได้ชัดคือ

  • เด็กเคลื่อนไหวคล่องขึ้น
  • องศาการคดที่ลดลง
  • เล่นกีฬาได้เต็มฟอร์มมากขึ้น
  • เจ็บปวดน้อยลง
  • ความมั่นใจกลับมาอย่างเด่นชัด

สิ่งสำคัญที่สุดคือ กายภาพบำบัดจะช่วยให้เด็กไม่ต้องเลือก ระหว่าง “สุขภาพหลัง” กับ “ความฝันนักกีฬา” แต่สามารถเดินหน้าทั้งสองอย่างไปพร้อมกันได้อย่างสมดุล

Schroth Method สำหรับนักกีฬา

Schroth Method คือโปรแกรมกายภาพบำบัดเฉพาะทางสำหรับผู้ที่มีกระดูกสันหลังคด ซึ่งได้รับการพัฒนามายาวนานกว่า 100 ปี ใช้หลักการ

  • ปรับแนวกระดูกสันหลังให้ดีขึ้น (Elongation)
  • หมุนกระดูกสันหลังกลับสู่ทิศทางที่ถูกต้อง (De-rotation)
  • ฝึกการหายใจให้ซี่โครงขยายถูกด้าน (Rotational Breathing)

งานวิจัยใน PubMed และแนวทางของนักกายภาพสากลสนับสนุนว่า Schroth สามารถ

  • ลดอัตราการคดเพิ่ม
  • ปรับความสมดุลของลำตัว
  • ลดอาการปวด
  • เสริมความมั่นใจในการเคลื่อนไหว

สำหรับนักกีฬา Schroth Method ยิ่งมีบทบาทสำคัญ เพราะไม่ได้แค่ “แก้คด” แต่ช่วยปรับพื้นฐานของร่างกายเพื่อ Performance ที่ดีขึ้นในสนาม

ประโยชน์ที่นักกีฬาจะได้รับอย่างชัดเจน

  • เพิ่มประสิทธิภาพการหายใจ ส่งผลต่อความฟิตและความทนทาน
  • ควบคุมแกนกลางลำตัวได้แม่นยำ ลดภาวะล้มเสียจังหวะ
  • แรงหมุนของลำตัวมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการวิ่ง เตะ ฟาด หรือขว้าง
  • ลดอาการปวดเรื้อรังจากการชดเชยของกล้ามเนื้อ
  • ป้องกันความคดเพิ่ม แม้ฝึกกีฬาหนัก

ที่ Move On Clinic เราพัฒนา Schroth ให้เหมาะกับนักกีฬาโดยเฉพาะ ด้วยการผสาน

  • การประเมินจากแกนกลางและแนวโค้งด้านกระดูกสันหลัง
  • ความต้องการเฉพาะกีฬานั้น ๆ
  • การเสริมสร้างสมรรถภาพการเคลื่อนไหวแบบ Sport-Specific

ผลลัพธ์คือ เด็กนักกีฬาจะสามารถ เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น และมั่นใจมากขึ้น
โดยไม่ต้องยอมให้ Scoliosis มาควบคุมชีวิตหรือความฝันของเขา

ตัวอย่างกีฬาที่เหมาะสม และต้องระวัง

      นักกีฬาที่มีกระดูกสันหลังคดสามารถเล่นกีฬาได้หลากหลาย แต่ควรพิจารณาตามความสมดุลของร่างกาย แนวโค้ง และระดับความคดของแต่ละคน โดยนักกายภาพจะช่วยวางแผนให้เหมาะกับบุคคล เพื่อให้เข้าใจง่าย เราแบ่งกีฬาออกเป็น 3 กลุ่ม

1) กีฬาที่เหมาะสมและส่งเสริมสมดุลร่างกาย

ช่วยเรื่องการทรงตัว ความแข็งแรงของแกนกลางลำตัว และการหายใจ

  • ว่ายน้ำ (เน้นท่ากบ/ฟรีสไตล์ มากกว่าผีเสื้อ)
  • ปั่นจักรยานแบบควบคุมฟอร์ม
  • แบดมินตัน เทนนิส (ต้องเสริมด้านที่อ่อนแอควบคู่)
  • ยิมนาสติกพื้นฐานแบบควบคุม alignment
  • คลาส Strength training ที่มีโค้ชดูฟอร์มชัดเจน

เหมาะกับการเสริมสร้างสมรรถภาพอย่างสมดุล

2) กีฬาที่เล่นได้ แต่ต้องปรับเทคนิคและปริมาณการฝึก

กีฬาเหล่านี้ดีต่อความฟิต แต่มีความเสี่ยงเรื่องท่าชดเชยหากฝึกหนักโดยไม่มีการฟื้นฟูที่เหมาะสม

  • ฟุตบอล/ฟุตซอล
  • บาสเกตบอล
  • วอลเลย์บอล
  • กอล์ฟ
  • กีฬาใช้การหมุนลำตัวหรือกระโดดซ้ำ ๆ

ต้องมีการฝึกแก้ไข

  • การทรงตัว
  • Core stability
  • ความสมดุลของแรงหมุนซ้าย-ขวา

3) กีฬาเสี่ยงที่ต้องได้รับการประเมินใกล้ชิดเป็นพิเศษ

เพราะมีแรงกระแทกสูงหรือหมุนลำตัวหนัก

  • มวย ศิลปะการต่อสู้ที่มีแรงปะทะ
  • ยิมนาสติก/ผาดโผนที่มี backbend มาก
  • ยกน้ำหนักแบบแข่งขัน
  • เทควันโด/คาราเต้ที่ใช้ท่าเตะสูงต่อเนื่อง

ไม่ได้หมายความว่าทำไม่ได้ แต่จำเป็นต้องมีโปรแกรมฟื้นฟูที่แม่นยำ และควบคุม Load อย่างใกล้ชิด

สรุปที่ผู้ปกครองควรรู้

  • ไม่ใช่การห้ามลูกทำในสิ่งที่รัก
  • แต่คือการ “รู้ก่อน – ป้องกันก่อน – ฟื้นฟูก่อนมีอาการ”
  • และมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด

การเลือกกีฬาให้เหมาะกับร่างกายของเด็ก ร่วมกับกายภาพบำบัดเฉพาะทาง จะช่วยให้เขาพัฒนาทักษะทางกีฬาและเติบโตได้อย่างเต็มศักยภาพ

อย่าปล่อยให้กระดูกสันหลังคดหยุดความฝันของลูก

      ทุกความฝันของเด็กเกิดจากการสนับสนุนและความเชื่อมั่นของผู้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อเด็กอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติ สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่การบอกว่าเขาไหวหรือไม่ไหว แต่คือการช่วยให้เขาเดินหน้าต่ออย่างปลอดภัยและมั่นคงที่สุด

กระดูกสันหลังคดไม่ได้เป็นตัวกำหนดว่าเด็กจะประสบความสำเร็จได้แค่ไหน สิ่งที่เป็นตัวตัดสินคือ

  • การดูแลที่เหมาะสม 
  • การฟื้นฟูที่ตรงจุด 
  • และความมุ่งมั่นที่เด็กยังคงมีอยู่เต็มหัวใจ 

      ร่างกายทุกคนมีความเฉพาะตัว บางครั้งความแตกต่างด้านกายภาพ อาจกลายเป็นความได้เปรียบในการเล่นกีฬา เมื่อได้รับการปรับและเสริมอย่างเหมาะสม

ถ้าวางรากฐานที่ดีตั้งแต่วันนี้ เขาจะสามารถเติบโตเป็นนักกีฬาที่แข็งแรง มีประสิทธิภาพ และมั่นใจในตัวเองมากกว่าที่เคย

      ที่สำคัญคือ เด็กไม่ต้องเลือกระหว่าง สุขภาพกระดูกสันหลัง กับ ความฝันของตัวเอง

เขาสามารถมีได้ทั้งสองอย่าง เพียงแค่เราวางแผนเส้นทางให้ถูกต้อง